รูปถ่าย(ลงจาร) พระมหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม
|
|||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
|||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
(กอล์ฟ + มน) พระเครื่อง | ||||||||||||||||
โดย
|
mon37 | ||||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
พระเกจิทั่วไป | ||||||||||||||||
ชื่อพระ
|
รูปถ่าย(ลงจาร) พระมหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม |
||||||||||||||||
รายละเอียด
|
รูปถ่าย(ลงจาร) พระมหาบุญมี สิริธโร วัดป่าวังเลิง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ปล: ในอดีตท่านเคยจำวัดอยู่ที่ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ชาติกำเนิด และชีวิตปฐมวัย หลวงปู่พระมหาบุญมี สิริธโร เดิมชื่อบุญมี สมภาค เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปี 11 คือปีจอ เป็นบุตรโทนของนางหนุก สมภาค และนายทำมา สมภาค ที่บ้านขี้เหล็ก ตำบลรังแร้ง อำเภอ อุทุมพรพิสัย จังหวัด ศรีสะเกษ เมื่อครั้งเป็นเด็กจะทีนิสัยรักความสงบและมีความใฝ่ใจในพระพุทธศาสนาอย่างมาก จนมีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งในขณะที่ท่านเลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนาร่วมกับเด็กๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน ท่านได้พบภาพพระพุทธรูปในกระดาษแผ่นหนึ่งเข้า ก็เกิดความสนใจมากเป็นพิเศษจึงได้เก็บกระดาษแผ่นนั้นซ่อนเอาไว้ พอมีเวลาว่างท่านก็จะเอามานั่งดูจนเกิดปิติ จึงเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นพระพุทธรูป โดยมีเด็กเลี้ยงควายพากันนั่งดู และก็ปั้นบ่อยๆ มีความสวยงามด้วย เมื่อมีมากขึ้นหลวงปู่จึงได้แจกและแบ่งปันให้เพื่อนๆเอาไป ตอนนั้นหลวงปู่บอกว่ามีอายุประมาณ 8-9 ปีเห็นจะได้ พออายุได้ประมาณ 10-12 ปี ท่านก็ได้เริ่มเรียนหนังสือกับหลวงน้า ซึ่งบวชพระอยู่ที่วัดใกล้บ้าน ท่านช่วยโยมมารดาทำนาและช่วยงานบ้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบ้านของเด็กผู้หญิงก็ตาม ท่านทำทุกอย่าง นับว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถกว่าเด็กทั่วๆไป และที่สำคัญก็คือมีนิสัยชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานหนักงานเบา ถ้าพอจะช่วยเหลือได้ท่านจะรีบช่วยทันที โดยไม่ต้องให้คนอื่นขอร้อง และชอบถามคำถามเกี่ยวกับธรรมะอยู่เสมอ เช่นเห็นคนตายก็จะถามว่า คนไม่ตายไม่ได้หรือ คนไม่ป่วยไม่ได้หรือ อย่างนี้เป็นต้น ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรมและปฏิปทา หลังจากที่หลวงปู่ พระมหาบุญมี สิริธโร เรียนจบชั้นประถมปีที่ 2 แล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ ต้องออกมาช่วยโยมมารดาทำนาและงานบ้าน เลี้ยงควาย จนอายุได้ 17 ปี จึงได้มาบวชเป็นสามเณรอยู่กับหลวงน้า คือพระอาจารย์สิงห์ (ไม่ใช่พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน) ผู้เป็นน้องชายของมารดา โดยบวชในฝ่ายของมหานิกาย หรือที่เรียกว่าวัดบ้าน บวชได้ 1 พรรษา พอจวนจะเข้าพรรษาทื่ 2 ซึ่งเหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือน โยมมารดาก็ขอร้องให้สึกออกมาช่วยทำงานบ้าน เพราะสุขภาพไม่ดี ท่านจึงต้องสึกออกมาช่วยโยมมารดาทำงานและได้สมัครเป็นคนขนหินทำทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา-สุรินทร์ เมื่อหลวงปู่อายุย่าง 18-20 ปี โยมมารดาจะขอผู้หญิงให้ตั้งหลายครั้ง แต่ท่านปฏิเสธทุกครั้งไม่ยอมมีครอบครัว เพราะดูคนทั้งหลายแล้วมีความทุกข์ วิตกกังวลแทบทั้งสิ้น ยากที่จะทำจิตของตนให้ผ่องแผ้วได้ ท่านระลึกอยู่ว่า บวชจึงจะมีสุขหนอ การมีชีวิตอยู่อย่างฆราวาสนี้มีแต่ทุกข์ วิตก กังวล ไม่สิ้นสุด มีแต่ความรุ่มร้อน เหมือนฝุ่นละอองมาจากทิศต่างๆ มีเต็มอากาศไม่รู้ว่าจะหนีไปทิศใดได้ มีแต่จะคลุกเคล้าละอองพิษลงสู่ใจ ใจก็มีแต่ความเศร้าหมอง เพราะท่านเห็นโทษของกามคุณ ถ้าผู้ใดเสพกามารมณ์อยู่เสมือนบริโภคเหล็กเผาไฟแดงๆ อยู่ จิตของท่านจึงระลึกน้อมไปถึงการอุปสมบท ท่านจึงเอาความดำริในใจนี้เล่าสู่มารดาฟังว่าท่านอยากบวช โยมมารดาของท่านจึงได้อนุโมทนาและอนุญาตให้บรรพชาอุปสมบทได้ จนถึงอายุ 21 ปี จึงขออนุญาตโยมมารดาบวชเป็นพระฝ่ายมหานิกาย โดยมีพระอาจารย์สิงห์ เป็นภาระรับไปดำเนินการให้ทุกอย่าง ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ในเรื่องของการศึกษาในธรรม ท่านจึงมีความปรารถนาที่จะเรียนด้านปริยัติธรรม แต่เนื่องจากการศึกษาธรรมะในสมัยนั้นวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือวัดเลียบ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ กนตสีโล เคยพำนักมาก่อน แต่เนื่องจากท่านเป็นพระฝ่ายมหานิกาย จึงค่อนข้างจะยุ่งยาก เพราะวัดเลียบเป็นวัดธรรมยุต ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์สิงห์ซึ่งเป็นหลวงน้าของท่านจึงได้นำไปฝาก ท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก เจ้าอาวาสวัดเลียบ ท่านเจ้าคุณบอกว่าจะต้องญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต พอได้ฟังดังนั้นหลวงปู่ก็ดีใจเป็นอันมาก ในการบวชใหม่ครั้งนี้ มีพระศาสนดิลกเป็นอุปัชฌาย์ พระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า สิริธโร อุปสมบทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 เวลา 10.00 น. ณ วัดเลียบ ต.ในเมือง จ.อุบลราชธานี หลังจากที่ได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจเล่าเรียนข้อวัตรปฏิบัติ จนเป็นที่เล่าลือว่าท่านเก่งมาก เพียงเวลาไม่นานท่านก็สอบนักธรรม ตรี โท เอกได้ และในปี พ.ศ. 2478 ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นวัดที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พำนักอยู่สมัยปฏิบัติธรรมเริ่มแรก จากนั้นในปี พ.ศ.2479 ก็ได้เดินทางเข้าไปศึกษาหาความรู้ในกรุงเทพมหานคร จำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม เขตปทุมวัน อยู่ไม่นานก็สอบได้เปรียญ 3 ประโยค มีความแตกฉานพระปริยัติมาก หลังจากที่หลวงปู่ได้อุปสมบท 2 พรรษา โยมมารดาได้ถึงแก่กรรม ในระหว่างนั้นจิตวิตกกังวลไปต่าง ท่านได้พิจารณาเห็น อนิจจัง ต่อมาท่านอยากจะออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเดินทางกลับมายังภาคอีสาน แล้วตั้งหน้าปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง พ.ศ.2490-2494 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ. มุกดาหาร ซึ่งเป็นวัคที่ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่มหาบัว เคยจำพรรษา พำนักปฏิบัติธรรมมาก่อน พ.ศ.2495-2500 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านม่วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พ.ศ.2501-2503 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหนองบัว อ.พังโคน จ.สกลนคร พ.ศ.2504-2505 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านเหล่า อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร พ.ศ.2506-2508 จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านท่าสำราญ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย พ.ศ.2509-2519 จำพรรษาอยู่ที่วัดในเขตจังหวัดเลยหลายวัด เช่นวัดบ้านหมากแข้ง พ.ศ.2520-2530 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พ.ศ.2531-2532 จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าศรีโพธ์ทอง อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด พ.ศ.2533 จำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พ.ศ.2534-2535 จำพรรษาที่วัดป่าวังเลิง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม |
||||||||||||||||
ราคา
|
- | ||||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
(099-0409-645),(093@4825-864) กอล์ฟ | ||||||||||||||||
ID LINE
|
Golf (ID LINE:Golf6), (มน ID:090-3569057) | ||||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
1,132 ครั้ง | ||||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารกรุงเทพ / 125-4-59948-1
|
||||||||||||||||
|